ปัจจุบันนี้โฆษณาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหลาย ๆ คนไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนหรือดูอะไรก็จะมีโฆษณาขึ้นมาให้ได้ชมกันอยู่เสมอ เพราะเป็นสื่อที่เข้าถึงคนง่ายและรวดเร็ว หลาย ๆ ธุรกิจจึงให้ความสำคัญกับโฆษณากันเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีสินค้าหรือบริการที่ดีแล้วยังต้องมีโฆษณาที่โดนใจใครได้ดูก็จำได้ ซึ่งเคล็ดลับในการทำให้โฆษณาสินค้าของคุณเป็นที่จดจำได้มากขึ้นก็คือ การใช้เสียงของนักพากย์ แต่เสียงพากย์ของนักพากย์นั้นจะสร้างเอกลักษณ์ให้กับโฆษณาได้อย่างไรเราไปดูวิธีดี ๆ เหล่านี้กันเลย
- มีสคริปท์ที่ทันสมัยและจำง่าย ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการพากย์มาเริ่มกันที่สคริปท์ก่อน เพราะนักพากย์จะพากย์เสียงตามสคริปท์ที่ได้รับ สคริปท์ที่ส่งให้กับทางบริษัทรับพากย์เสียงจึงควรเป็นสคริปท์ฉบับสมบูรณ์ที่พร้อมใช้งานและควรมีความทันสมัย ใช้ภาษาที่เข้าใจ จำง่าย และสื่อถึงตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี สคริปท์โฆษณาควรเป็นสคริปท์ที่สั้นและกระชับ
- มี Mood & Tone ที่ไม่เหมือนใคร การพากย์เสียงโฆษณาไม่จำเป็นต้องพากย์เสียงตามโทนเดิม ๆ เสมอไปแต่เราสามารถคิด Mood & Tone ขึ้นมาใหม่ตามที่ต้องการได้ว่าอยากให้ Mood & Tone ของโฆษณานี้ออกมาเป็นแบบไหน ใช้โทนเสียงแบบไหน และควรแบ่งช่วงการพากย์เสียงในแต่ละส่วนอย่างไรให้น่าสนใจ ในส่วนนี้สามารถแจ้งกับทางนักพากย์หรือทีมงานได้เลย
- มีสไตล์เป็นของตัวเอง เพราะยิ่งแปลกยิ่งเป็นที่จดจำ จึงควรสร้างสไตล์เป็นของตัวเองเพื่อให้คนจำได้ว่าเสียงที่ได้ยินนี้มาจากโฆษณาอะไร และเป็นโฆษณาอะไร ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องการเป็นพูดเสมอไปแต่สามารถใส่ทำนองหรือเสียงร้องตามจังหวะลงไปได้ด้วย
- มีคีย์เวิร์ดที่ทำให้คนจำได้ ในโฆษณาควรมีคีย์เวิร์ดหลักเพื่อให้คนจำสินค้าได้ อาจเป็นคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือแคปชั่นสั้น ๆ ที่ทำให้คนนึกถึงสินค้าก็ได้เช่นกัน แต่หากใครคิดไม่ออกหรือไม่รู้ว่าจะใช้คีย์เวิร์ดหรือแคปชั่นอะไรดีก็มีบริการคิดแคปชั่นหรือเขียนสคริปท์สั้น ๆ ให้ด้วย
จะเห็นว่าเสียงของนักพากย์นั้นสามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับโฆษณาได้ไม่น้อยเลย เพราะโฆษณาสามารถใช้ได้ทั้งสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และช่องทางออนไลน์ คนส่วนใหญ่จึงรู้จักและจำสินค้าได้จากเสียงพากย์ในโฆษณานั่นเอง สำหรับใครที่ทำโฆษณาสินค้าแล้วแต่ยังไม่มีเสียงพากย์ก็สามารถใช้บริการกันได้ แต่หากใครยังไม่มีทั้งวิดีโอสินค้าและเสียงพากย์ก็สามารถใช้บริการได้เช่นเดียวกัน